อายุ 30+ และ 40+ กินคอลลาเจนยี่ห้อไหนดี พร้อมประโยชน์จากโปรไบโอติกช่วยเรื่องผิวจริงหรือไม่

หลายๆคนคงกำลังมองหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงผิวกันอยู่ ซึ่งถ้าพูดถึงอาหารเสริมเรื่องผิว ที่หลายๆคนจะนึกถึงในเรื่องของผิวกระชับคงหนีไม่พ้นคอลลาเจน ซึ่งในร่างกายของคนเราจะประกอบด้วยคอลลาเจนประมาณ 20-35 เปอร์เซ็นต์ พบได้ตามผิวหนัง เนื้อเยื่อ เส้นเอ็น (ligament) เอ็นกล้ามเนื้อ (tendon) กระจกตา กระดูก เซลล์สร้างเส้นใย(fibroblast) เป็นต้น แต่เมื่ออายุมากขึ้น กิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน อาหารที่รับประทาน สภาพอากาศและสภาวะแวดล้อมล้วนส่งผลให้คอลลาเจนในร่างกายลดลงทำให้เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยได้ ทางเราได้เจอผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ คือ

Probac Ultra Collagen เป็นการรวมตัวของคอลลาเจนกับโปรไบโอติก ตัวนี้ใน 1 ซองจะประกอบด้วย

Hydrolyzed fish collagen 2500 mg (โมเลกุลขนาดเล็กกว่า 5K Dalton)

Resistant Maltodextrin 1010 mg

Bacillus coagulans 200 mg

Lactobacillus acidophilus 66.7 mg

Lactobacillus paracasei 66.7 mg

Lactobacillus rhamnosus 66.7 mg

Bifidobacterium bifidum 66.7 mg

Bifidobacterium infantis 66.7 mg

Bifidocacterium infantis 66.7 mg

Bifidobacterium longum 66.5 mg

Fructooligosaccharide 100 mg

Ascorbic acid 35 mg

Coenzyme Q10 15 mg

ประโยชน์ของส่วนประกอบแต่ละตัว ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

1. คอลลาเจน

   หลายๆคนคงทราบประโยชน์ของคอลลาเจนกันอยู่แล้วว่าช่วยในเรื่องของผิวกระชับ ทำให้ริ้วรอยดูจางลง มีการศึกษาและงานวิจัยเกี่ยวกับคอลลาเจนตีพิมพ์อย่างต่อเนื่อง และยังมีการรวบรวมผลการศึกษาเกี่ยวกับการรับประทานคอลลาเจนอย่างต่อเนื่องว่าสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เพิ่มความยืดหยุ่น และความหนาแน่นของคอลลาเจนที่ชั้นผิวหนัง พบว่าการรับประทานคอลลาเจน 2.5 กรัมต่อวัน เป็นเวลา 56 วัน สามารถลดริ้วรอยรอบดวงตาได้ หรือรับประทานคอลลาเจน 2.5-5 กรัมต่อวันเป็นเวลา 8 สัปดาห์จะช่วยลดผิวแห้งและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวได้มากกว่าคนที่ไม่ได้รับประทาน และคอลลาเจนที่เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารค่อนข้างที่จะปลอดภัยเลยทีเดียว

2. โปรไบโอติก

   โปรไบโอติก คือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ทำให้เกิดโรคหรือเป็นอันตรายเมื่อได้รับในปริมาณที่เหมาะสม มักพบในอาหารประเภทหมักดอง นมเปรี้ยว โยเกิรต ชีท เป็นต้น ถ้าพูดถึงโปรไบโอติกส่วนใหญ่คงจะนึกถึงเรื่องปรับสมดุลระบบลำไส้ระบบขับถ่าย แต่ความจริงแล้วโปรไบโอติกมีประโยชน์ในหลายๆด้าน โดยกลไกการทำงานของโปรไบโอติกจะไปช่วยเสริมการทำงานของชั้นเยื่อเมือกที่เคลือบระบบทางเดินอาหารทำให้ติดเชื้อได้ยากขึ้น มีฤทธิ์ต้านเชื้อจุลินทรีย์หรือแบคทรีเรียก่อโรค โดยไปยับยั้งการเกาะของแบคทรีเรียก่อโรคบนพื้นผิวของทางเดินอาหารหรือบนร่างกาย กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ระบบประสาทส่วนกลางทำงานได้ตามปกติ ซึ่งมีงานวิจัยที่พูดถึงประโยชน์ของโปรไบโอติกมากมาย อย่างเช่น

2.1 ระบบการย่อย ปรับสมดุลลำไส้ ทำให้จุลินทรีย์ในลำไส้อยู่ในภาวะสมดุล ช่วยลดอาการและระยะเวลาท้องเสียที่เกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะ และลดความเสี่ยงในการเกิดอาการท้องเสียจากสาเหตุต่างๆใน  ผู้ใหญ่ได้ประมาณร้อยละ 26 นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของอาการท้องผูกและลำไส้แปรปรวนได้อีกด้วย

2.2 กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน โดยกระตุ้นการสร้างแอนติบอดี้และเพิ่มการทำงานของกลุ่มเซลล์เม็ดเลือดขาวในร่างกาย

2.3 ลดการอักเสบ เมื่อภูมิคุ้มกันทำงานดีขึ้นทำให้ช่วยลดการอักเสบได้ดีขึ้น

2.4 ลดการติดเชื้อที่ช่องคลอด ลดการกลับมาเป็นซ้ำของการติดเชื้อแบคทรีเรียบริเวณช่องคลอดโดยช่วยรักษาสมดุลของเชื้อประจำถิ่นบริเวณช่องคลอด

2.5 ทำให้ผิวแข็งแรง ซึ่งงานวิจัยพบว่ามีประโยชน์ในคนที่เป็นสิว ผิวแห้ง และผื่นผิวหนังอักเสบ เนื่องจากโปรไบโอติกไปกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในเซลล์ผิวที่เกิดการอักเสบ และทำให้การทำงานของผิวชั้นนอกทำงานได้ดีขึ้น

2.6 ชะลอวัย โดยช่วยปรับสมดุลกรดด่างให้กับผิว ลดอนุมูลอิสระ ลดการทำผิวร้ายของผิวจากแสง

2.7 ช่วยทำให้สภาวะของสุขภาพจิตดีขึ้น มีการศึกษาในผู้เข้าร่วมทดลอง 15 คนที่ได้รับโปรไบโอติกเป็นเวลา 1-2 เดือน ทำให้สภาวะของสุขภาพจิตดีขึ้น เช่น ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และความเครียด เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าตัวโปรไบโอติกมีประโยชน์ในหลายๆด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของผิวเมื่อรับประทานร่วมกับ คอลลาเจน ก็จะช่วยทำให้ผิวดูกระชับและดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น

3. พรีไบโอติก

   โดยปกติแล้วสามารถพบได้ในพืชและผักหลายชนิด เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนและกากใยที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ จึงเป็นอาหารให้กับจุลินทรีย์ที่อยู่ตามร่างกาย และเป็นอาหารของโปรไบโอติก นอกจากเป็นอาหารของโปรไบโอติกแล้ว พรีไบโอติกยังมีประโยชน์ในเรื่องของช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม ลดอาการท้องผูก กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันเนื่องจากทำให้จำนวนของจุลินทรีย์ประจำถิ่นเพิ่มขึ้น และไปจับกับแบคทรีเรียก่อโรคทำให้แบคทรีเรียก่อโรคไม่สามารถจับกับทางเดินอาหารได้

4. วิตามินซี

   ทำให้ผิวแข็งแรง ช่วยเพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจนไทป์ 1 (collagen type I) เนื่องจากวิตามินซีเป็นตัวช่วยให้สร้างสารตั้งต้นของคอลลาเจน (procollagen) โดยการช่วยรวมตัวของกรดอะมิโนของสารตั้งต้นคอลลาเจนและลดสารอนุมูลอิสระ

5. โคเอนไซม์คิวเท็น

   ค่อนข้างมีประโยชน์หลายด้าน ในเรื่องของผิวพบว่าช่วยลดริ้วรอย ริ้วรอยขนาดเล็ก และช่วยทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ช่วยป้องกันผิวจากสารอนุมูลอิสระและรังสียูวีเมื่อรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม และมีการศึกษาพบว่าเมื่อรับประทานโคเอนไซม์คิวเท็นร่วมกับคอลลาเจนช่วยเพิ่มความหนาแน่นของชั้นผิวหนังได้

    

   

   ส่วนประกอบของ Probac Ultra collagen

วิธีรับประทาน แนะนำให้รับประทานครั้งละ 1 ซอง ตอนท้องว่าง ก่อนอาหารเช้าครึ่งชั่วโมง แนะนำให้ดื่มน้ำตามมากๆ หลีกเลี่ยงการรับประทานพร้อมอาหารหรือเครื่องดื่มร้อน หากรับประทานยาปฏิชีวนะควรรับประทานห่างกันอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง

ข้อห้ามใช้ ห้ามใช้ในคนที่เป็นโรคตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง คนที่มีโอกาสติดเชื้อฉวยโอกาส และคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารที่รุนแรง คนที่มีโรคประจำตัวหรือใช้ยาประจำอยู่แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน

อาการข้างเคียง ในบางคนอาจจะทำให้ปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ หรือมีไข้ได้

สรุป Probac Ultra collagen เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนประกอบที่น่าสนใจ เนื่องจากตัวนี้ใน 1 ซอง มีส่วนประกอบที่หลากหลาย ในส่วนของคอลลาเจนก็มีปริมาณต่อซอง 2.5 กรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่พบได้ตามงานวิจัยต่างๆ และเป็นปริมาณที่อยู่ในช่วงเหมาะสมในการได้รับต่อวัน แล้วยังมีส่วนประกอบของโปรไบโอติกซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลายๆด้าน รวมถึงตัวนี้ยังสามารถรับประทานได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย และตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพผิวได้ค่อนข้างครบถ้วนเรียกได้ว่าเป็น All beautifiers 12 in 1 เลย

หวังว่าข้อมูลนี้จะมีประโยชน์ ฝากติดตามบทความอื่นๆด้วยนะคะ

References :

1. ”Beneficial Properties pf Probiotics” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5031164/
2. “Probiotics” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://ods.od.nih.gov/factsheets/Probiotics-HealthProfessional/
3. “Probiotics” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://www.aafp.org/afp/2008/1101/p1073.html
4. “Probiotics and Prebiotics: What you should know” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://www.drugs.com/mca/prebiotics-probiotics-and-your-health
5. “Prebiotics” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6463098/
6. “Prebiotics overview” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://www.webmd.com/digestive-disorders/prebiotics-overviewhttps://onlinelibrary.wiley.com/doi/epdf/10.1111/ijd.15518
7. “Efficay of vitamin c supplementation on collagen synthesis” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6204628/
8. “Effect of probiotics on central nervous system functions in animals and humans: a systematic review” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/27413138/
9. “Probiotic for preventing recurrent bacterial vaginosis” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://journals.lww.com/jaapa/fulltext/2021/02000/probiotics_for_preventing_recurrent_bacterial.2.aspx
10. “Effects of a combination of water-soluble CoenzymeQ10 and Collagen on skin parameters and condition” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7146335/

bhaewow (เภว๊าว)

เภสัชกรอิสรีย์นะคะ  จบจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาแบ่งปันความรู้ด้านสุขภาพและอาหารเสริม หวังว่าจะมีประโยชน์กับทุกคนนะคะ ติดต่องาน : LINE @Bhaewow
E-mail : bhaewow@gmail.com
ติดตามเราได้ที่ : Youtube Bhaewow

www.bhaewow.com/contact-us