โปรไบโอติกช่วยลดน้ำหนัก ได้จริงหรือ การใช้ชีวิตในปัจจุบันทำให้ผู้คนมีภาวะอ้วนกันมาก ดังนั้นการลดน้ำหนักจึงกลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของคนจำนวนมาก การค้นพบวิธีใหม่ๆ ที่จะช่วยให้การควบคุมน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากขึ้นจึงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนวัตกรรมที่น่าสนใจคือ “โปรไบโอติก” จุลินทรีย์มีชีวิตที่ส่งผลดีต่อร่างกาย พบว่าโปรไบโอติกบางสายพันธุ์มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายๆด้าน เช่น หัวใจ ระบบภูมิคุ้มกัน และระบบการย่อยอาหาร และยังมีส่วนสำคัญในการช่วยลดน้ำหนักและไขมันหน้าท้องที่หลายคนกำลังมองหาวิธีกำจัด บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจกลไกการทำงานของโปรไบโอติกที่เชื่อมโยงกับการลดน้ำหนัก พร้อมคำแนะนำในการเลือกและรับประทานโปรไบโอติกอย่างถูกวิธีเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
สารบัญบทความ
โปรไบโอติกคืออะไร
กลไกการทำงานของโปรไบโอติกต่อการลดน้ำหนัก
วิธีการรับประทาน โปรไบโอติกช่วยลดน้ำหนัก
คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการลดน้ำหนัก เพิ่มเติมจาก โปรไบโอติกช่วยลดน้ำหนัก
บทส่งท้าย โปรไบโอติกช่วยลดน้ำหนัก
โปรไบโอติกคืออะไร
โปรไบโอติก คือ จุลินทรีย์ที่มีชีวิตและมีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นกลุ่มของแบคทีเรียและยีสต์ที่ดีต่อระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากในร่างกายของเราประกอบด้วยจุลินทรีย์ที่ดีและไม่ดี แต่โปรไบโอติกเป็นจุลินทรีย์ที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพลำไส้ ช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหาร ซึ่งเราสามารถได้รับโปรไบโอติกจากการรับประทานอาหาร เช่น กิมจิ คอมบูชา โยเกิร์ต นัตโตะ เป็นต้น
โปรไบโอติกจะมีหลายตระกูลและหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นตระกูล แลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus) เป็นตระกูลที่เป็นที่รู้จักและพบได้บ่อยในโยเกิร์ตและอาหารหมักดอง ช่วยเรื่องการย่อยน้ำตาลแลคโตส
บิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) สามารถพบได้ในผลิตภัณฑ์จากนม ช่วยลดอาการลำไส้แปรปรวน
แซ็คคาโรมัยเซส โบลาร์ดี (Saccharomyces boulardii) เป็นโปรไบโอติกที่เป็นกลุ่มของยีสต์ ช่วยเรื่องการย่อยอาหาร และเป็นโปรไบโอติกที่นิยมสำหรับสุขภาพผู้หญิง
กลไกการทำงานของโปรไบโอติกต่อการลดน้ำหนัก
จุลินทรีย์ในลำไส้ของคนเรามีอยู่มากมายหลายร้อยหลายพันธุ์ นักวิจัยพบว่าจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้สามารถย่อยอาหารได้สารอาหารสำคัญ รวมถึงวิตามินเคและวิตามินบี และย่อยใยอาหารให้ได้กรดไขมันสายสั้น ที่มีผลต่อการทำงานของระบบประสาท
นักวิจัยพบว่า Firmicutes และ Bacteroidetes เป็นกลุ่มของแบคทีเรียที่มีอยู่มากที่สุดในลำไส้ และมีผลต่อการเผาพลาญในร่างกาย โดยแบคทีเรียทั้งสองกลุ่มนี้จะทำหน้าที่แตกต่างกันดังนี้
- กลุ่มของ Bacteroidetes เป็นแบคทีเรียที่ช่วยย่อยใยอาหารให้ได้กรดไขมันสายสั้น ซึ่งมีผลต่อสมองโดยไปเพิ่มการสร้างฮอร์โมนเลปติน ซึ่งเป็นฮอร์โมนความอิ่ม ส่งผลให้ตับเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน ผนังลำไส้ลดการดูดซึมไขมันและลดการอักเสบในร่ากงาย และกล้ามเนื้อมีส่วนเพิ่มการตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลิน เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น เปรียบเสมือนแบคทีเรียที่ทำให้ตัวผอม
- กลุ่มของ Firmicutes เป็นแบคทีเรียที่ทำให้สมองสูญการควบคุมความรู้สึกอิ่ม เนื้อเยื่อไขมันถูกกระตุ้นให้สร้างและเก็บไขมันมากขึ้น ตับสร้างและเก็บไขมันและลดการใช้พลังงานจากสารอาหาร ผนังลำไส้เพิ่มการดูดซึมไขมันส่งผลให้เกิดลำไส้รั่วและเกิดการอักเสบในส่วนต่างๆของร่างกายได้ และกล้ามเนื้อลดการสลายไขมัน เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น เปรียบเสมือนแบคทีเรียที่ทำให้ตัวอ้วน
ดังนั้นหากแบคทีเรียในลำไส้เสียสมดุลไปก็จะส่งผลต่อความอยากอาหาร และการเผาผลาญในร่างกาย หากต้องการเพิ่มปริมาณกลุ่มของ Bacteroidetes ต้องเพิ่มการรับประทานอาหารที่มีโปรไบโอติกและพรีไบโอติก
มีการศึกษาพบว่าโปรไบโอติกมีผลต่อความอยากอาหารและการผลิตกรดไขมันสายสั้น อะซิเตท (Acetate) โพรพิโอเนท (Probionate) และบิวทิเรท (butyrate) ดังนั้นการรับประทานโปรไบโอติกจะไปช่วย Bacteroidetes ย่อยใยอาหารหรือย่อยพรีไบโอติก ทำให้ได้กรดไขมันสายสั้นที่ชื่อว่า บิวทิเรท (butyrate) เพิ่มขึ้น บิวทิเรทจะไปกระตุ้นการหลั่งของกลูคากอนไลค์เปปไทด์ (Glucagon like peptide 1 :GLP-1)) ซึ่งมีผลทำให้เรารู้สึกอิ่ม และเปปไทด์ YY (PYY) ที่ช่วยเพิ่มระดับของกลูคากอนไลค์เปปไทด์ทำให้ช่วยเผาพลาญไขมันและพลังงาน และยังมีการศึกษาพบว่าโปรไบโอติกกระตุ้นการเพิ่มโปรตีนที่ชื่อว่า angiopoietin-like 4 (ANGPTL4) ซึ่งโปรตีนชนิดนี้จะช่วยให้ร่างกายลดการสะสมไขมันอีกด้วย
วิธีการรับประทาน โปรไบโอติกช่วยลดน้ำหนัก
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรับประทานโปรไบโอติก
- ควรรับประทานตอนท้องว่าง โดยเฉพาะช่วงเช้าก่อนอาหาร 30 นาที เพื่อให้โปรไบโอติกทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหรือก่อนนอน เพราะระบบย่อยอาหารจะได้ทำงานอย่างเต็มที่ในขณะที่เราพักผ่อน
ปริมาณที่แนะนำ
- สำหรับผู้ใหญ่ ควรเริ่มต้นที่ 1-2 พันล้านโคโลนี (CFU) ต่อวัน
- ค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้นเป็น 10-20 พันล้านโคโลนีต่อวัน หลังจากร่างกายปรับตัวได้
- ควรรับประทานอย่างสม่ำเสมอติดต่อกันอย่างน้อย 8-12 สัปดาห์ เพื่อเห็นผลชัดเจน
วิธีการรับประทานที่ถูกต้อง
- ดื่มน้ำตามมากๆ เพื่อช่วยให้โปรไบโอติกเดินทางสู่ลำไส้ได้ดี
- หลีกเลี่ยงการรับประทานพร้อมเครื่องดื่มร้อน เพราะอาจทำลายประสิทธิภาพ
- ไม่ควรรับประทานพร้อมยาปฏิชีวนะ ให้เว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
ข้อควรระวัง
- เริ่มจากปริมาณน้อยๆ ก่อนเพื่อดูการตอบสนองของร่างกาย
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น ท้องอืด ท้องเสีย ให้ลดปริมาณลง
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน โปรไบโอติกไม่สามารถรับประทานได้ทุกคน
คำแนะนำเพิ่มเติม
- รับประทานโปรไบโอติกควบคู่กับอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
- รักษาอุณหภูมิการเก็บตามที่ฉลากระบุ
- ควรรับประทานควบคู่กับการควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการลดน้ำหนัก เพิ่มเติมจาก โปรไบโอติกช่วยลดน้ำหนัก
การควบคุมอาหาร
- เน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง เพื่อช่วยให้อิ่มนาน และรักษามวลกล้ามเนื้อ
- รับประทานผักและผลไม้สดให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มไฟเบอร์และวิตามิน
- ลดการบริโภคน้ำตาลและอาหารแปรรูป
- ควบคุมปริมาณแคลอรี่ให้น้อยกว่าที่ร่างกายใช้
- ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
กล่าวง่ายๆคือการรับประทานอาหารที่มีค่า gi ต่ำ อ่านเพิ่มเติมที่นี่
การออกกำลังกาย
- ทำคาร์ดิโออย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
- เพิ่มการเล่นเวทเทรนนิ่ง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
- เคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้นในชีวิตประจำวัน
- ออกกำลังกายในช่วงเช้าเพื่อกระตุ้นการเผาผลาญ
การพักผ่อน
- นอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
- จัดการความเครียดด้วยการทำสมาธิหรือโยคะ
- หลีกเลี่ยงการอดนอนเพราะจะส่งผลต่อฮอร์โมนที่ควบคุมความหิว
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
- ทานอาหารช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียด
- ใช้จานขนาดเล็กลงเพื่อควบคุมปริมาณอาหาร
- วางแผนมื้ออาหารล่วงหน้า
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารดึก
บทส่งท้าย โปรไบโอติกช่วยลดน้ำหนัก
การใช้โปรไบโอติกเพื่อช่วยลดน้ำหนักนับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพและควบคุมน้ำหนักอย่างเป็นธรรมชาติ จากหลายการศึกษาแสดงให้เห็นว่าโปรไบโอติกไม่เพียงแต่ช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้เท่านั้น แต่ยังมีส่วนสำคัญในการควบคุมน้ำหนักและลดไขมันหน้าท้องผ่านกลไกต่างๆ ในร่างกาย
อย่างไรก็ตาม การใช้โปรไบโอติกเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอสำหรับการลดน้ำหนักที่ยั่งยืน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การปรับอารมณ์ให้ดีอยู่เสมอและการพักผ่อนที่เพียงพอล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเสริมประสิทธิภาพของจุลินทรีย์ในร่างกายและโปรไบโอติก การเริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีความสม่ำเสมอ และอดทน จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว ที่สำคัญที่สุดคือการให้เวลากับร่างกายในการปรับตัว และไม่คาดหวังผลลัพธ์ที่รวดเร็วจนเกินไป เพราะการลดน้ำหนักที่ดีและยั่งยืนนั้น ต้องอาศัยความทุ่มเทและความอดทนควบคู่กันไป
อ้างอิง
3.ทำความรู้จักกับ Leptin ฮอร์โมนความอิ่มที่อยู่เบื้องหลังโรคอ้วน
4.How Probiotics can help you lose weight and belly fat

เภสัชกรอิสรีย์นะคะ จบจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาแบ่งปันความรู้ด้านสุขภาพและอาหารเสริม หวังว่าจะมีประโยชน์กับทุกคนนะคะ ติดต่องาน : LINE @Bhaewow
E-mail : bhaewow@gmail.com
ติดตามเราได้ที่ : Youtube Bhaewow