Thursday, 6 February 2025

ความเครียด ส่งผลอะไรต่อสุขภาพลำไส้บ้าง

ความเครียด ภัยเงียบที่แฝงตัวอยู่ในชีวิตประจำวันของคนยุคปัจจุบัน ส่งผลต่อร่างกายและจิตใจตอบสนองต่อความกดดันที่เกิดขึ้นในชีวิต หลายคนอาจจะมีภาวะเครียดแบบไม่รู้ตัว แต่คนรอบข้างสามารถสังเกตและสัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็นจากการทำงาน ความสัมพันธ์ หรือสถานการณ์รอบตัว หลายคนอาจมองว่าความเครียดเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเผชิญ แต่หารู้ไม่ว่า เมื่อความเครียดสะสมเป็นเวลานาน อาจก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจได้

ในปัจจุบัน องค์การอนามัยโลกได้จัดให้ความเครียดเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่สำคัญของโลก โดยเฉพาะในสังคมเมืองที่มีการแข่งขันสูง ผู้คนต้องเผชิญกับความกดดันจากหลายด้าน ทั้งการทำงานที่เร่งรีบ ความคาดหวังทางสังคม และภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้หลายคนตกอยู่ในภาวะเครียดโดยไม่รู้ตัว

บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงผลกระทบของความเครียดที่มีต่อร่างกายและจิตใจ พร้อมทั้งแนะนำวิธีการจัดการความเครียดที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพกายและใจได้อย่างสมดุล เพราะการเข้าใจและรู้เท่าทันความเครียด ทำให้มีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน

สารบัญบทความ

ความเครียด แบ่งออกเป็นสองประเภท

ความเครียด มีอาการอย่างไร

ความเครียด ส่งผลอย่างไรต่อร่างกาย และสุขภาพลำไส้

ความเครียด วิธีการจัดการเบื้องต้น

บทส่งท้าย

ความเครียด แบ่งออกเป็นสองประเภท

1.ความเครียดเฉียบพลัน เป็นความเครียดที่เกิดขึ้นและร่างกายมีการตอบสนองทันที เมื่อความเครียดหายไปทำให้ร่างกายกลับสู่สภาวะปกติ เชน ความกลัว ความหิว อันตรายที่เกิดขึ้นขณะนั้น เป็นต้น

2.ความเครียดเรื้อรัง เป็นความเครียดที่เกิดขึ้นทุกวัน และสะสมไปเรื่อยๆ เช่น ความเครียดจากที่ทำงาน ความเครียดที่เกิดจากความสัมพันธ์ของบุคคล ความเหงา เป็นต้น

ความเครียด มีอาการอย่างไร

เมื่อร่างกายเกิดความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมน 2 ชนิด ได้แก่ คอร์ติซอล(Cortisol) และ แอดีนาลีน(Adrenaline) เราเรียกฮอร์โมนที่หลั่งออกมาพร้อมกันทั้ง 2 ชนิดว่า เป็นฮอร์โมนความเครียด

1.อาการทางร่างกาย ได้แก่  มึนงง ปวดตามกล้ามเนื้อ กัดฟัน ปวดศีรษะ แน่น ท้อง เบื่ออาหาร นอนหลับยาก หัวใจเต้นเร็ว หูอื้อ มือเย็น อ่อนเพลีย ท้องร่วง ท้องผูก จุกท้อง มึนงง เสียงดังให้หู คลื่นไส้อาเจียน หายใจไม่อิ่ม ปวด ท้อง เป็นต้น

2.อาการทางจิตใจ ได้แก่ วิตกกังวล ตัดสินใจไม่ดี ขี้ลืม สมาธิสั้น ไม่มีความคิดริเริ่ม ความจำไม่ดี ไม่สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เป็นต้น

3.อาการทางอารมณ์ ได้แก่ โกรธง่าย วิตกกังวล ร้องไห้ ซึมเศร้า ท้อแท้ หงุดหงิด ซึมเศร้า มองโลกในแง่ร้าย นอนไม่หลับ กัดเล็บหรือดึงผมตัวเอง เป็นต้น

4.อาการทางพฤติกรรม ได้แก่ รับประทานอาหารเก่ง ติดบุหรี่สุรา โผงผาง เปลี่ยนงานบ่อย แยกตัว  เป็นต้น

ความเครียด ส่งผลอย่างไรต่อร่างกาย และสุขภาพลำไส้

1.เมื่อร่างกายมีความเครียดทำให้หลั่งฮอร์โมนออกมา 2 ชนิด ได้แก่ คอร์ติซอล(Cortisol) และแอดีนาลีน(Adrenaline) เรียกฮอร์โมนทั้ง 2 ชนิดว่า ฮอร์โมนความเครียด ซึ่งฮอร์โมนนี้จะให้พลังงานมากเพื่อให้ร่างกายมีแรงตอบสนองต่อความเครียดที่เกิดขึ้น เช่น การวิ่งหนีอันตราย การยกของหนีไฟ เป็นต้น หากได้ออกแรงมากจะทำให้ฮอร์โมนหรือความเครียดนั้นหายไป 

2.ฮอร์โมนความเครียดจะส่งผลเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด และไขมันไตรกลีเซอไรด์ ส่งผลให้ร่างกายรับประทานอาหารได้น้อย วิงเวียนศีรษะ ปากแห้ง หัวใจเต้นเร็ว เหนื่อยง่าย ปวดศีรษะ ไม่มีสมาธิ วิตกกังวล เหงื่อออกไม่หยุด ตัวสั่นใจสั่น ยิ่งมีฮอร์โมนความเครียดมากขึ้น จะส่งผลกระทบต่อร่างกาย เช่น ต่อระบบภูมิคุ้มกัน อาหารไม่ย่อย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อรุนแรง ไปจนถึงหัวใจวาย

3.ส่วนหนึ่งของร่างกายที่ความเครียดส่งผลถึงได้แก่ สุขภาพลำไส้  ซึ่งความเครียดส่งผลต่อการทำงานของลำไส้ 

  •  มีผลต่อการเคลื่อนไหวของลำไส้ 
  • การรับรู้ของอวัยวะภายในเพิ่มมากขึ้น หรือไวต่อสิ่งกระตุ้นเพิ่มมากขึ้น 
  • มีผลการหลั่งกรดและระบบย่อยอาหาร อาจทำให้มีอาการท้องเสีย 
  • ทำให้เกิดลำไส้รั่วมีการซึมผ่านของลำไส้เพิ่มมากขึ้น เช่น จุลินทรีย์ก่อโรค 
  • มีผลต่อการสร้างเซลล์เยื่อบุทางเดินอาหารและการไหลเวียนเลือด
  • ส่งผลต่อจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ให้เสียสมดุลจุลินทรีย์ที่ดี ซึ่งส่งผลต่อการส่งสัญญาณระหว่างแกนสมองกับลำไส้ กล่างคือหากมีความเครียดเรื้อรังอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้บ่อยและทำให้เกิดลำไส้แปรปรวนได้ 

4.ความเครียดทางกายภาพและความเครียดทางจิดใจในแต่ละบุคคลจะส่งผลต่อร่างกายได้แตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่าร่างกายของแต่ละบุคคลจะตอบสนองต่อความเครียดนั้นอย่างไร 

5.ความเครียดยังส่งผลให้ร่างกายมีการรับประทานอาหารที่ผิดปกติ เช่น การรับประทานอาหารมากเกินไปหรือน้อยเกินไป การรับประทานอาหารมากเกินไปที่มีรสหวาน เค็ม มัน ยังส่งผลต่อสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ได้เช่นกัน

สรุป ความเครียดและการรับประทานอาหารส่งผลต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ ทำให้ลำไส้รั่วและทำให้สมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้เสียไป ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ดังนั้นเพื่อรักษาให้จุลินทรีย์ในลำไส้อยู่ในภาวะสมดุล จึงควรรับประทานอาหารที่มีโปรไบโอติกและพรีไบโอติก ลดอาหารที่มีน้ำตาลสูง ของมันของทอด เนื่องจากทำให้สมดุลจุลิทรีย์ในลำไส้เสียไป และหาวิธีผ่อนคลายความเครียด

โปรไบโอติกส์กับพรีไบโอติกส์ต่างกันยังไง เลือกสายพันธุ์ไหน แพ้อาหารวิธีแก้

ความเครียด วิธีการจัดการเบื้องต้น

1.เทคนิคการผ่อนคลายด้วยการหายใจ การหายใจอย่างถูกวิธีเป็นเครื่องมือธรรมชาติที่ช่วยลดความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มจากการนั่งหรือนอนในท่าที่สบาย หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ ผ่านจมูก นับ 1-4 กลั้นหายใจสั้นๆ แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกทางปากช้าๆ นับ 1-6 ทำซ้ำประมาณ 5-10 นาที วิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวล และทำให้จิตใจสงบขึ้น

2.การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายไม่เพียงแต่ดีต่อสุขภาพร่างกาย แต่ยังช่วยลดความเครียดได้อย่างดี เพราะระหว่างออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารเอนดอร์ฟิน(Endorphine)ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 3-5 วันต่อสัปดาห์ เลือกกิจกรรมที่ชอบและเหมาะกับตัวเอง เช่น เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ หรือโยคะ

3.การจัดการเวลาและการวางแผน การบริหารเวลาที่ดีช่วยลดความเครียดจากการทำงานและชีวิตประจำวัน เริ่มจากการจัดลำดับความสำคัญของงาน แบ่งงานใหญ่เป็นงานย่อยๆ กำหนดเวลาทำงานและเวลาพักให้ชัดเจน ใช้เครื่องมือช่วยจัดการเวลา เช่น ปฏิทิน แอพบันทึก และตั้งเตือน อย่าลืมเผื่อเวลาสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดคิด และให้รางวัลตัวเองเมื่อทำงานสำเร็จ

4.การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เมื่อรู้สึกว่าความเครียดเริ่มส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ไม่ควรลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยา จิตแพทย์ หรือที่ปรึกษาด้านสุขภาพจิต พวกเขามีความรู้และประสบการณ์ในการช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาความเครียด สามารถให้คำแนะนำและเทคนิคการจัดการความเครียดที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

5.การทำสมาธิและการฝึกจิต การฝึกสมาธิเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดความเครียดและสร้างสมดุลให้จิตใจ เริ่มจากการหาที่เงียบสงบ นั่งในท่าที่สบาย หลับตา และมุ่งความสนใจไปที่ลมหายใจหรือคำบริกรรม หากมีความคิดแว้บเข้ามา ให้รับรู้แล้วปล่อยผ่าน ไม่ต้องจดจ่อหรือตัดสิน ทำประมาณ 10-15 นาทีต่อวัน การฝึกอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้จิตใจสงบ มีสมาธิ และจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้น

บทส่งท้าย

ในยุคที่ความเครียดกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน การดูแลสุขภาพลำไส้จึงมีความสำคัญมากขึ้นกว่าที่เคย ความเครียดไม่เพียงส่งผลกระทบต่อจิตใจเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อระบบการทำงานของลำไส้และจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในร่างกายของเรา การรับประทานโปรไบโอติกส์จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยฟื้นฟูสมดุลของระบบลำไส้ที่ถูกทำลายจากความเครียด

แม้ว่าโปรไบโอติกส์จะไม่ใช่ยาวิเศษที่จะกำจัดความเครียดได้โดยสิ้นเชิง แต่การดูแลสุขภาพลำไส้ควบคู่ไปกับการจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจของเราแข็งแรงขึ้น เพราะความสัมพันธ์ระหว่างสมองและลำไส้นั้นเชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน การมีสุขภาพลำไส้ที่ดีจึงส่งผลโดยตรงต่อสภาวะทางอารมณ์และความเครียดของเรา

ดังนั้น การใส่ใจดูแลทั้งสุขภาพกายและใจไปพร้อมๆ กัน ทั้งการจัดการความเครียดและการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงการเสริมโปรไบโอติกส์ที่เหมาะสม จะช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตในสังคมที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและความกดดันได้อย่างมีความสุขมากขึ้น เพราะสุดท้ายแล้ว สุขภาพที่ดีต้องเริ่มจากการดูแลตัวเองอย่างองค์รวม ทั้งร่างกาย จิตใจ และการใช้ชีวิตที่สมดุล

โปรไบโอติกส์กับซึมเศร้า Lacto-IN10 โพรไบโอติกแบบซองกรอกปาก

sponsored shopee sponsored Lazada

อ้างอิง

1.How is stress is affecting your gut health

2.ความเครียดส่งผลอย่างไรต่อสุขภาพ

3.Stress and the gut: pathophysiology,clinical consequences, diagnostic approach and treatment options

Disclaimer

เราจะให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยาสมุนไพร ฯลฯ อย่างไรก็ตามเนื้อหาในเว็บไซด์ แห่งนี้มีไว้เพื่อการศึกษาหรือเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้หรือใช้แทนคำการวินิจฉัย การรักษาทางการแพทย์แต่อย่างไร หากคุณมีอาการเจ็บป่วยหรือรู้สึกไม่สบายควรปรึกษาแพทย์ที่สถานพยาบาลเท่านั้น